วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หนุ่มชาวนา-รักการอ่าน

เรื่องย่อหนุ่มชาวนา เริ่มเรื่องมีครูคนหนึ่งจากในเมืองมาประจำอยู่ที่ทุ่งหนองหลวงโดยมาพักอยู่กับบ้านชาวนาที่มีชื่อว่า “สุข” มีภรรยาชื่อ “พิม” มีน้องชื่อ “ทอง” มีลูกอยู่ทั้งหมด 8 คน ลูกคนโตมีชื่อว่า “เสา” ในตอนแรกที่ครูมาทุ่งหนองหลวงนี้โดยมีสุขไปรับมาที่บ้าน ในหมู่บ้านนี้เป็นชาวนาทั้งหมดเมื่อครูมาถึงได้ดูสภาพหมู่บ้าน โรงเรียน และบ้านที่ตนจะมาพัก ซึ่งครูจะรู้สึกไม่ค่อยดีนักกับสภาพที่ได้เห็นหลังจากนั้นสุขก็จะแนะนำครอบครัวให้ครูหนุ่มรู้จักและให้พิมผู้เป็นภรรยาไปทำอาหารมา ขณะกินข้าวครูหนุ่มได้สังเกตการกินของชาวนากับตนว่าแตกต่างกัน คือต้องใช้มือกิน และคนเมืองเช่นตนนั้นกินกับมากกว่าชาวนามาก เมื่อกินเสร็จทองจึงนำกระเป๋าของครูไปขึ้นไว้บนเรือนของตนเพราะเรือนของสุขซึ่งเป็นพี่ชายนั้นมีคนแน่นแล้ว เมื่อถึงเวลากลางคืนทองหยิบปืนแก๊ปลำกล้องทองเหลืองมาไว้ตรงหัวนอน จากนั้นเขาก็นอนลงและทองได้อธิบายให้ครูหนุ่มได้รู้จักทุ่งหนองหลวงดียิ่งขึ้น ทองเล่าว่ากลางทุ่งนี้ทุกคนต้องช่วยตัวเองเพราะอยู่ห่างไกล ปืนช่วยเขาจากขโมยที่จะมาขโมยควาย ครูสังเกตว่าเสียงพวกเด็กเงียบไปหมดแล้วเพราะชาวนานอนกันหัวค่ำเสมอ สักพักก็มีเสียงฟ้าคำรามมาจากตำบลอื่น ทองจึงพูดถึงฝนจนหลับไป สักพักมีเสียงปืนของทองที่ยิงขโมยที่เข้ามาเอาควายทำให้ครูหนุ่มรู้ว่าใช้ชีวิตที่นี่นั้นไม่ง่ายเลย ในตอนเช้าทองได้ทำการตัดไม้ไผ่มาล้อมคอกเพิ่ม ส่วนครูหนุ่มได้ลงจากเรือนและได้พบว่าอากาศยามเช้าที่นี่สดชื่นมากหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จเสาได้ทำหน้าที่ต่างๆ ของตนซึ่งจะทำให้เขารับงานหนักได้ตอนโต ทองขนไม้ไผ่กลับมาเต็มเกวียนและเริ่มล้อมรั้วโดยมีสุขช่วยอยู่ด้วย ทำให้ครูหนุ่มรู้ว่าชาวนานั้นช่วยกันทำงานไม่มีเกี่ยงงานกันทำ ตกกลางคืนมีฝนแรกมาท่าทีของครอบครัวสุขนั้นดีใจกันมากเด็กๆ ก็พากันออกมาเล่นน้ำ ซึ่งต่างกับครูหนุ่มที่รู้สึกว่าตนอ่อนแอกว่าพวกเด็กๆ ซะอีกเพราะตนเป็นไข้ วันรุ่งขึ้นก็ได้เวลาเริ่มทำนาและเริ่มเปิดการเรียนการสอน สักพักแดดที่เคยจ้าก็กลายเป็นฝนตกมาอีกแล้ว ครูหนุ่มรู้สึกชื่นชมชาวนา ธรรมชาติสร้างให้ชาวนาแข็งแรงไม่เจ็บป่วย “สายบัว” เป็นคนที่สนิทกับครอบครัวของสุขมาก และทำงานได้เก่งมาก ผู้หญิงชาวนานั้นทำงานต่าง ๆ มากกว่าผู้ชาย สายบัวได้มาคุยกับพิมสักพักจึงกลับ ขณะที่สอนหนังสืออยู่ก็มีควายขวิดกันเพื่อแย่งคู่ เด็กๆ จึงพากันไปดูและได้มีการพนันกันว่าควายใครจะชนะ งานไถยังดำเนินไปอย่างจำเจจนมีเจ๊กขายของเข้ามาขายของให้กับชาวนา ครูหนุ่มสังเกตเห็นว่าการขายของเป็นไปแบบมัดมือชก คือการที่เจ๊กตั้งราคาของเองและชาวนาก็ไม่มีใครต่อรองราคา แต่ชาวนาก็ยินดีที่จะซึ้อ พิมเลือกซื้อเสื้อให้สุขและทอง ส่วนตนยังไม่เอา เดือน 7 ข้างแรมกล้าข้าวโตได้ที่ จึงเตรียมทำการลงแขกดำนา ที่ครอบครัวของสุขเร่งทำงานให้ทันดำนาในวันรุ่งขึ้นโดยไม่เกี่ยงงานกันทำและยังช่วยกันทำด้วยแม้แต่เสาที่ยังเป็นเด็กก็ยังทำหน้าที่หาอาหาร ตกดึกทิดโกยหิ้วเหล้าที่เสียเดิมพันเมื่อควายขวิดกัน 2 ขวดมาที่บ้านสุข สุขจึงตะโกนเรียกไอ้แวว และทิดมั่งมาร่วมด้วยจึงเฮฮากันจนดึกจึงแยกย้ายกันไปนอน ตกดึกครูหนุ่มได้ตกใจตื่นเพราะเสียงสุนัขเห่า มีขโมย แต่ทองหลับสนิทครูจึงค่อยๆ คลานไปปลุกจากนันมีการยิงกันสักพักโจรจึงหนีไป วันต่อมาเป็นวันลงแขกชาวบ้านละแวกนั้นมาช่วยกันมากมาย มีการหยอกล้อกันสนุกสนาน บ่ายแก่ๆ การดำนาก็เสร็จสิ้นลงทุกคนรีบกลับบ้านเพราะว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันเข้าพรรษา พิมรับหน้าที่เป็นช่างตัดผมประจำบ้าน เย็นวันนั้นพิมทำขนมตาลเพื่อเลี้ยงพระในวันรุ่งขึ้น ในเย็นวันหนึ่งได้มีชายแปลกหน้า 3 คนมาแวะขอข้าวกินท่าทางไม่น่าไว้วางใจพวกทิดโกยจึงซุ่มอยู่ดงโสนโดยมีสุขและครูหนุ่มอยู่รับแขก สักครู่ครูหนุ่มได้หาวิธีไม่เพิ่มปืนแก่ศัตรูโดยวิธีอ้างว่าจะไปยิงนกแล้วจึงลงมารวมกับพวกข้างล่าง ในคืนนั้นทุกคนต้องนั่งเฝ้าอยู่ใต้โรงนาเผื่อว่าโจรจะกลับมา สายวันรุ่งขึ้นมีตำรวจ 3 นายมาขอข้าวกินและเล่าว่าตามคนร้ายมา สุขจึงเล่าให้ฟัง เมื่อกินข้างเสร็จตำรวจจึงออกไล่ตามต่อไป อีก 2 วันต่อมาก็ถึงสิ้นเดือนครูจึงตกลงใจเอาเงินเดือนไปซื้อปืนให้ทองและเงินที่เหลือซื้อเสื้อให้เด็ก และผ้าให้พิม เขาคิดว่าเงินที่ใช้ในครั้งนี้คุ้มค่าที่สุดที่เคยใช้มาในชีวิตแล้ว หลังจากมีปืนพวกเขาก็นอนหลับกันได้สนิทขึ้น ย่างเข้าเดือน 10 ข้าวก็ปลูกเสร็จ ครูและพวกชาวนาจึงมีเวลาว่าง สุขจึงพาครูไปแนะนำตามบ้านต่างๆ เพื่อให้สนิทสนมกัน ชาวนาทุกบ้านเป็นคนดีต้อนรับขับสู้โดยไม่รังเกียจ สายวันนั้นพิมทอเสื่อโดยมีสายบัวช่วยด้วย สักพักลูกคนเล็กร้องพิมจึงให้ทองทำแทน พอเที่ยงสายบัวก็ไปทำข้าวเม่าเป็นอาหารเที่ยง ตกเย็นทองกับครูก็ออกไปเก็บดอกโสนที่ริมน้ำและได้เจอกับสายบัวที่กลับบ้านไปแล้วกำลังเก็บสายบัวไปแกงส้ม ใกล้ถึงวันสารททุกๆ บ้านเตรียมทำกระยาสารท เสร็จจากทำขนมทุกคนก็เสริมสวยกัน ค่ำลงก็มีเสียงปืน สุขเล่าว่าเป็นประเพณีของที่นี่ รุ่งขึ้นทุกคนก็ตื่นแต่เช้าไปเข้าวัด หลังจากจบงานบุญก็มีบางคนมาจับกลุ่มเล่นคู่คี่กัน เมื่อกลับบ้านทองจึงไปตรวจนาแล้ววิ่งกลับมาบอกว่าปลาขึ้น ปลาขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ชาวนาชื่นชอบเพราะจะได้ปลามาเป็นอาหารมากมาย เดือน 1 ข้างแรมน้ำในนาเริ่มแห้งข้าวเริ่มตกรวง ลมหนาวเริ่มมาแล้ว ชาวนาต้องทำงานแข่งกับเวลาไม่เช่นนั้นข้าวที่อุตส่าห์ปลูกมาก็อาจจะเสียหายได้ ที่บ้านสุขเริ่มเกี่ยวข้าวเป็นคนแรกมีการลงแขกด้วย งานอย่างนี้ผู้หญิงถนัดกว่าผู้ชาย ในตอนเย็นทองได้ทำซุ้มไว้นอนจากฟางซึ่งอบอุ่น ช่วยครูหนุ่มได้มากทีเดียวเพราะถึงแม้ครูได้ปรับตัวในการใช้ชีวิตที่ทุ่งหนองหลวงนี้หลายอย่างแล้วก็ยังไม่อาจทนลมหนาวได้ ในคืนหนึ่งครูหนุ่มได้ยินเสียงปืนดังจึงตื่น ปรากฏว่ามีโจรเข้ามาขโมยควายอีกแล้ว แต่งวดนี้มันไม่ได้ควายแต่ได้ชีวิตของเสาไปแทน รุ่งขึ้นชาวบ้านมาช่วยกันทำหีบศพและจัดงานศพให้ โรงนาที่เคยมีความสุขก็เงียบเหงาลง เดือน 3 ลมหนาวพัดมามากขึ้น ชาวนาต้องทำงานแข่งกับเวลาในการนวดข้าว ทองเลือกพื้นที่ทำลานข้าว เมื่อทำเสร็จจึงไปมัดข้าวและหาบเข้าลานเพื่อเตรียมทุบข้าว ในการทุบข้าวนี้นิยมทำกันเวลากลางคืนและมีการลงแขกหมุนเวียนกันไป เจ้าของบ้านมักนิยมเลี้ยงเหล้าให้ผู้ชายและเลี้ยงขนมหวานสำหรับผู้หญิง พอดึกชาวบ้านก็แยกย้ายกลับไปนอนเอาแรงทำต่อในคืนถัดไป ครูหนุ่มเข้าไปนอนในกองฟาง ครูได้ปรับตัวให้เข้ากับทุ่งหนองหลวงได้แล้วทั้งเรื่องการกินอยู่และการทนแดดทนฝน กองข้าวเปลือกกองอยู่ที่ลานทุกคนช่วยกันตักข้าวโยนขึ้นบนอากาศเพื่อให้ลมพัดฝุ่นและข้าวลีบๆ ออกไป วันรุ่งขึ้นเฮงก็ได้มารับข้าวที่ติดกันไว้ และสุขได้ขายข้าวเพิ่มอีก 2 เกวียน ครูหนุ่มไม่ชอบใจในการตวงของเฮงเพราะเป็นการโกงปากถัง โกงชาวนา โกงคนที่ตนรู้จัก จากนั้นทองและสุขได้ทำขวัญข้าวและเก็บข้าวเข้ายุ้ง เมื่อเสร็จจึงทำการเสริมสวยกันอีกครั้งก่อนไปงานวัด เย็นวันนั้นทิดโกยกระซิบบอกครูว่าสุขให้ตนเป็นเถ้าแก่ไปสู่ขอสายบัวให้ทอง ตกกลางคืนเพื่อนบ้านละแวกนั้นก็พากันมาฉลองที่บ้านสุข รุ่งเช้าก็ออกเดินทางไปวัดกันตั้งแต่เช้ามืดทุกคนสรงน้ำพระแล้วค่อยไปเดินซื้อของ ตอนบ่ายมีการเทศน์บนศาลา ผู้คนเงียบกันอย่างน่าประหลาดใจ พอมืดคนก็ยังเต็มวัด มีแสงสว่างเรืองรอง หนุ่มสาวหัวเราะกันเบิกบาน ผู้คนพากันนั่งที่หน้าเวทีเพื่อเตรียมดูลิเก การแสดงเริ่มแล้วแต่ชีวิตของชาวนายังไม่จบ ยังคงวนเวียนอย่างนี้เรื่อยไป หนุ่มชาวนา ผู้เขียน นิมิตร ภูมิถาวร องค์การค้าคุรุสภา จัดพิมพ์ จำนวนหน้า 104 หน้า

6 ความคิดเห็น:

  1. มีสาระ ได้คุนค่าในการใช้ชีวิตมากๆในความเปนอยุ่ อยากถามว่าอยากอ่านเต็มเรื่อง สามารถหาซื้อได้ที่ใหนคะ เพราะเคยมีแล้วมันหาน 092-2922621 เบอค่ะ..ติดต่อด้วยนะคะ

    ตอบลบ
  2. ผมอ่านแล้วประทับใจจนถึงทุกวันนี้ หายเหมือนกัน อยากได้มาเก็บไว้

    ตอบลบ
  3. เคยอ่านสมัยม.ต้น สนุกดี อยากใช้ชีวิต เรียบง่ายแบบนั้นมั้งจัง

    ตอบลบ
  4. เคยมีหนังสือเรื่องนี้พอย้ายบ้านหนังสือหายหมดอยากได้เป็นเล่มไปไว้อ่านหาซื้อได้ที่ไหนค่ะชอบมากมันทำให้เรานึกถึงบ้านตอนเราเป็นเด็ก

    ตอบลบ
  5. ชอบเรื่องนี้มากค่ะทำให้เราได้เรียนรู้ความเป็นอยู่อยากได้หนังสือเรื่องนี้หาซื้อได้ที่ไหนค่ะช่วยบอกด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  6. อยากได้หนังสือเรื่องนี้ซื้ได้ที่ไหนค่ะ

    ตอบลบ